อิงประวัติศาสตร์ที่ดัดแปลงมาจากบทละครโศกนาฏกรรมชื่อดังของวิลเลียม เชคสเปียร์ เล่าเรื่องราวของ แม็คเบ็ธ (รับบทโดย ไมเคิล ฟาสเบนเดอร์) ขุนศึกผู้กล้าหาญและภักดีของกษัตริย์ดันแคนแห่งสกอตแลนด์
เรื่องราวเริ่มต้นขึ้นเมื่อแม็คเบ็ธและบันโค (เพื่อนขุนศึก) กำลังเดินทางกลับจากการรบและได้พบกับแม่มดสามตน (ในภาพยนตร์ฉบับนี้มีแม่มด 4 ตน) แม่มดเหล่านั้นได้พยากรณ์ว่าแม็คเบ็ธจะได้เป็นขุนนางแห่งคอว์ดอร์ และในที่สุดจะได้เป็นกษัตริย์แห่งสกอตแลนด์ ส่วนบันโคจะได้เป็นบิดาของเหล่ากษัตริย์ในอนาคต
ไม่นานหลังจากนั้น คำพยากรณ์แรกก็เป็นจริงเมื่อแม็คเบ็ธได้รับแต่งตั้งให้เป็นขุนนางแห่งคอว์ดอร์ ความทะเยอทะยานจึงเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเขา โดยได้รับการกระตุ้นอย่างแรงจาก เลดี้แม็คเบ็ธ (รับบทโดย มารียง กอตียาร์) ภรรยาผู้ทะเยอทะยานของเขา เลดี้แม็คเบ็ธเชื่อว่าหนทางเดียวที่จะทำให้คำพยากรณ์เป็นจริงได้เร็วขึ้นคือการสังหารกษัตริย์ดันแคน
ในคืนที่กษัตริย์ดันแคนเสด็จมาพักที่ปราสาทของแม็คเบ็ธ เลดี้แม็คเบ็ธได้วางยาผู้ดูแลกษัตริย์ และแม็คเบ็ธก็ได้ลงมือสังหารกษัตริย์ดันแคนในขณะที่พระองค์หลับอยู่ หลังจากนั้นเขาก็สวมรอยเป็นผู้บริสุทธิ์ และได้ขึ้นครองบัลลังก์สกอตแลนด์
อย่างไรก็ตาม การกระทำที่ผิดบาปนี้ได้นำมาซึ่งความหวาดระแวงและความบ้าคลั่ง แม็คเบ็ธเริ่มเห็นภาพหลอนและตกอยู่ในภาวะจิตที่ไม่มั่นคง เขาหวาดกลัวว่าคำพยากรณ์เกี่ยวกับบันโคจะทำให้เชื้อสายของบันโคขึ้นครองราชย์แทน เขาจึงสั่งให้สังหารบันโคและลูกชายของเขา อย่างไรก็ตาม ฟลีแอนซ์ ลูกชายของบันโคหนีรอดไปได้
ความบ้าคลั่งของแม็คเบ็ธยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาสั่งสังหารผู้คนอีกหลายคนรวมถึงครอบครัวของแมคดัฟฟ์ ซึ่งเป็นขุนนางที่สงสัยในการขึ้นครองราชย์ของเขา ในขณะเดียวกัน เลดี้แม็คเบ็ธก็ทนทุกข์ทรมานจากความรู้สึกผิดและกลายเป็นบ้าคลั่งจนกระทั่งเสียชีวิตลง
ในที่สุด บรรดาขุนนางและทหารที่รอดชีวิตก็ได้รวมตัวกันภายใต้การนำของมัลคอล์ม (โอรสองค์โตของกษัตริย์ดันแคน) และแมคดัฟฟ์ เพื่อโค่นล้มแม็คเบ็ธ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นที่ปราสาทดันซิเนนของแม็คเบ็ธ ซึ่งเป็นฉากจบอันยิ่งใหญ่และโศกนาฏกรรม โดยที่คำพยากรณ์สุดท้ายของแม่มดก็เป็นจริงในแบบที่ไม่มีใครคาดคิด